การ จัดบ้านให้น่าอยู่ ทำอย่างไร โดยการคำนึงถึงพื้นที่บ้านที่ช่วยสร้างคุณค่าให้ผู้อยู่อาศัย เป็นเรื่องที่หลายท่านอาจคาดเดาไม่ถึงหรือไม่ได้ใส่ใจความสำคัญมากนัก แต่โดยปกติแล้วหากกล่าวถึงบ้านย่อมเกี่ยวข้องกับความเป็นครอบครัว ที่ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลายช่วงอายุ มีความคิด พฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้การจัดสรรพื้นที่บ้านนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้อยู่อาศัยเพื่อให้มีความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ดี
วิธี “จัดบ้านให้น่าอยู่” และเกิดคุณค่ากับผู้อยู่อาศัย
บ้าน คือพื้นที่พักอาศัยและเป็นพื้นที่ที่ควรมีความปลอดภัยต่อสมาชิกภายในบ้าน ซึ่งบ้านแต่ละหลังมีจำนวนสมาชิกครอบครัวที่แตกต่างกัน บ้างเป็นครอบครัวใหญ่ บ้างอยู่อาศัยแบบครอบครัวเล็ก เป็นการอยู่ร่วมกันของสมาชิกที่มีช่วงอายุที่หลากหลาย ซึ่งโดยธรรมชาติของมนุษย์แต่ละช่วงอายุนั้นจะมีความแตกต่างทั้งความคิด อารมณ์และพฤติกรรม
การให้ความสำคัญในการจัดบ้านให้น่าอยู่ช่วยสร้างคุณค่าให้ผู้อยู่อาศัยในแต่ละช่วงวัยได้ใช้พื้นที่ทุกตารางวาให้เกิดประโยชน์ภายใต้ความปลอดภัย การปรับพื้นที่ส่วนรวมให้สมาชิกได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และเปลี่ยนพื้นที่ส่วนตัวให้ตอบโจทย์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้สมาชิกรู้สึกอบอุ่นใจและมีความผูกพันธ์กันมากขึ้น
การจัดบ้านมีความสอดคล้องกับช่วงอายุอย่างไร
วัยเด็กเป็นวัยที่เริ่มสร้างความคิดในแบบของตนเอง มีความสร้างสรรค์จินตนาได้อย่างเป็นอิสระ สนุกสนานกับสังคมเพื่อน รับรู้ประสบการณ์ใหม่จากสิ่งต่างๆรอบตัว ทำให้ควรคำนึงถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย สามารถตกแต่งพื้นที่ภายนอกตัวบ้านให้เป็นสนามหญ้า เช่น การเลือกปลูกหญ้านวลน้อยมากกว่าการใช้หิน เพราะหญ้าชนิดนี้ปลูกและดูแลง่าย
ฟื้นฟูตัวเองได้จากการเหยียบย่ำในกรณีมีกิจกรรมหรือการวิ่งเล่นของเด็ก และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหกล้มที่อาจเกิดขึ้นได้ ปรับทัศนียภาพรอบตัวบ้านให้มีธรรมชาติเข้ามาสอดคล้อง ด้วยการเพิ่มพื้นที่ดิน บ่อเลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นซิลเวอร์โอ๊ค ต้นรวงผึ้ง ที่เติบโตได้ทุกสภาพดิน นอกจากแต่งบ้านสวยแล้ว ยังให้ร่มเงาและความร่มรื่น ที่ส่งผลต่อบรรยากาศในการพัฒนาการเรียนรู้อีกด้วย
วัยผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องใส่ใจถึงความปลอดภัยไม่น้อยกว่าวัยเด็กเช่นกัน เนื่องจากวัยนี้มนุษย์จะมีสมรรถภาพการเคลื่อนไหวที่ลดลง สมาชิกในครอบครัวต้องช่วยดูแลในเรื่องของสุขภาพ หากสภาพแวดล้อมดีสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการส่งผลถึงสภาพจิตใจที่ดีเช่นกัน นอกจากการจัดบ้านให้น่าอยู่โดยการปรับทัศนียภาพภายนอกบ้านแล้ว ยังต้องคำนึงถึงวัสดุภายในบ้านที่ใช้ได้อย่างมั่นใจมีความปลอดภัย
เช่น การเลือกปูพื้นทางเดินด้วยกระเบื้องประเภทพอร์ซเลน หรือปูพื้นห้องน้ำด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้กันลื่นที่ช่วยดูดซับน้ำได้ดี ส่วนทางบันไดใช้อุปกรณ์เทปกันลื่นเข้ามาเสริมเพื่อติดบริเวณจมูกบันได เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรงแต่นุ่มนวล สามารถใช้ประโยชน์ในการพักผ่อนหรือช่วยผ่อนคลายระหว่างการทำกิจกรรมหรือดำเนินชีวิตภายในบ้านได้
การจัดพื้นที่บ้านให้น่าอยู่สำหรับวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เนื่องจากช่วงวัยจะมีความคิดเป็นของตัวเอง และจากพฤติกรรมที่ต้องการความส่วนตัวสูง ส่งผลให้มีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกภายในครอบครัวลดน้อยลง เนื่องจากเหตุผลทั้งเรื่องการเรียนและการทำงาน ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการจัดบ้านให้มีความเป็นสัดส่วน แบ่งพื้นที่ส่วนตัวเมื่อสมาชิกกลับมาที่บ้านเพื่อการพักผ่อนหรือการกลับมาทำงานต่อ คือการจัดสรรพื้นที่ห้องนอนให้มีความเป็นส่วนตัว มีเฟอร์นิเจอร์สามารถอ่านหนังสือหรือมีมุมนั่งทำงาน เช่น โต๊ะทำงานที่มีส่วนสูงพอดีกับเก้าอี้ สามารถปรับได้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน
การเลือกหลอดไฟ LED สีนวล ที่มีค่าสีจากหลอดไฟไม่เกิน 80 ra (Color rendering index/CRI) เหมาะกับการอ่านหนังสือเป็นเวลานานโดยไม่ส่งผลให้ดวงตาเหนื่อยล้า เพิ่มบรรยากาศในห้องทำงานด้วยการแต่งห้องทำงานใกล้บานหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพบริเวณบ้าน ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเรียนหรือทำงาน
นอกจากนี้หากการจัดพื้นที่บ้านสามารถสร้างคุณค่าหรือตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกในแต่ละวัยได้ ก็จะส่งผลถึงความสัมพันธ์การใช้เวลาร่วมกันภายในครอบครัว มีความสนิทสนม เข้าใจและการพูดคุยระหว่างกันมากขึ้น สมาชิกวัยรุ่นหรือวัยทำงานตัดสินใจกลับมาพักผ่อนหรือทำงานต่อที่บ้านมากว่าการออกไปใช้บริการร้านกาแฟ หรือพื้นที่สาธารณะอื่นๆ
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการ “จัดบ้านให้น่าอยู่” ช่วยสร้างคุณค่าให้ผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างมาก ทำให้บ้านมีความหมายมากกว่าการกลับมาเพียงเพื่อพักพิง แต่สามารถกลับบ้านเพื่อพักผ่อน โดยที่มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ครอบครัวที่เข้าใจและความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งการปรับเปลี่ยนปัจจัยเล็กๆ ลดจุดอ่อนจนเกิดผลลัพธ์ที่ดี สร้างบรรยากาศรอบข้างให้มีความอบอุ่นกว่าเดิม ก็ถือว่าครอบคลุมและคุ้มค่ากับการจ่ายทุนทรัพย์เพื่อรับสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” ที่มากขึ้น