บ้านสไตล์มินิมอล เป็นรูปแบบการจัดตกแต่งบ้านที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลของภูมิประเทศเป็นเขตที่มีสถิติการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ชาวญี่ปุ่นจึงตกแต่งบ้านเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดการเกิดปัญหาสิ่งของในบ้านหล่นทับ ซึ่งในปัจจุบันสไตล์มินิมอลกำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ที่ชื่นชอบเสน่ห์ของการเลือกใช้สีขาว ครีม เป็นหลัก ประกอบกับการจัดวางสิ่งของน้อยชิ้นเพื่อให้บ้านดูปลอดโปร่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย โดยมีบรรยากาศที่มองแล้วเกิดความสบายตา เพื่อการพักผ่อนอยู่บ้านได้อย่างสบายใจ

ลักษณะของบ้านสไตล์มินิมอล

การเลือกใช้สีใดสีหนึ่งที่สามารถแบ่งเฉดสีอ่อน-เข้มออกไป เช่น สีขาว, ครีม, เทาอ่อน หรือเทาเข้ม เป็นต้น เพื่อนำมาตกแต่งส่วนอื่น ๆ ของบ้านให้มีความเป็นโมโนโทน ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และการดีไซน์ให้มีอุปกรณ์บิ้วอินติดกับผนังอย่างกลมกลืน เพื่อการจัดวางที่เป็นระเบียบ หรือง่ายต่อการทำความสะอาด เกิดจากความตั้งใจของสไตล์บ้านที่ต้องการให้มีพื้นที่ว่างสำหรับการพักผ่อนเป็นส่วนใหญ่ มุ่งเน้นให้เกิดบรรยากาศสบาย ๆ จากอากาศที่ถ่ายเทด้วยเทคนิคการจัดวางสิ่งของ และแสงแดดอ่อนๆที่ทอดเข้ามายังตัวบ้าน

บรรยากาศภายในบ้านที่ผ่อนคลาย สไตล์การตกแต่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมินิมอล

1.การตกแต่งผนังให้มีความรู้สึกคลีน

วัสดุหินเทียม เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีน้ำหนักเบา สามารถเลือกใช้โทนสีขาวเป็นหลัก ประกอบกับลวดลายเส้นที่โน้มไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ยังช่วยทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขึ้น โดยมีคุณสมบัติที่ดูดซึมน้ำได้ดี เป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ ไม่มีรูพรุน ส่งผลดีให้พื้นที่ห้องไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย

จึงเหมาะกับคนรักสุขภาพสายมินิมอลอย่างมาก และยังมีวัสดุอิฐเทียมที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์แต่งผนังอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ช่วยเพิ่มลูกเล่นสายตาชวนให้หลงใหลในเสน่ห์ของความสมบูรณ์จากลวดลายที่ปรากฏบนอิฐเพียงใช้เฉดสีที่เข้ากันได้ดีกับอุปกรณ์ตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ก็สามารถเชื่อมโยงกับคอนเซ็ปต์บ้านสไตล์มินิมอล สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายจากความตึงเครียด หรือลดความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ส่งผลให้สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

2.การตกแต่งพื้นเพิ่มความโดดเด่นให้ห้องดูอบอุ่น

พื้นไม้กล่าวได้ว่าเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับ “minimal style” ที่ผู้คนมักเลือกนำมาแต่งพื้น เพื่อให้สีของไม้ตัดกับสีขาวของตัวบ้าน แต่เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ ยกตัวอย่าง เช่น พื้นไม้คอร์ก(Cork Flooring) พื้นไม้ญี่ปุ่น(Ecoqueen Floor) เป็นต้น บางชนิดยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกลดแรงกระแทก กันน้ำ-กันลื่น ป้องกันการเกิดกลิ่นอับได้ดี

และเนื่องจากพื้นไม้มีความเข้มของสีตั้งแต่สีเหลืองจนถึงสีน้ำตาลโทนสว่าง ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้บ้านดูเงียบสงบ แต่แฝงด้วยความมีชีวิตชีวา และสามารถเลือกพรม สี Earth tone นำมาจัดวางในพื้นที่ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มสีสันที่ไม่ซับซ้อนให้กับห้องได้เป็นอย่างดี

3.เลือกจัดวางเฟอร์นิเจอร์เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้งาน

เฟอร์นิเจอร์บ้านสไตล์มินิมอล เน้นการจัดวางเฉพาะสิ่งของชิ้นที่จำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันเท่านั้น ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนผู้ใช้งาน หรือแขกผู้มาเยือน ไม่นิยมเลือกเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เนื่องจากทำให้เทอะทะจนอาจเหลือพื้นที่ว่างไม่เพียงพอ ส่งผลถึงความอึดอัดและบรรยากาศที่ไม่ผ่อนคลายได้

ดังนั้นจึงควรประดับตกแต่งอย่างพอดีโดยมองถึงภาพรวม จัดเฉดสีของประดับตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้อยู่รวมเป็นกลุ่มโทนสีเดียวกัน แต่จะไม่นิยมเล่นสีที่หลากหลาย-ฉูดฉาด (colorful) เพียงเท่านี้ก็ทำให้บ้านเป็นระเบียบหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคใหม่ ให้ใช้ชีวิตได้ลงตัวภายใต้คำนิยาม น้อยแต่มาก

4.ให้ความสำคัญการเชื่อมโยงพื้นที่บ้านให้สัมพันธ์กับธรรมชาติ

การจัดสวนรอบบ้านเป็นปัจจัยที่สร้างทัศนยภาพที่ดี ความร่มรื่น-ร่มเงาให้กับตัวบ้าน แต่การดีไซน์พื้นที่ภายในบ้านให้มีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพักผ่อน และยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ดูเป็นมินิมอลมากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งต้นไม้ฟอกอากาศ สามารถนำมาจัดวางในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน หรือห้องต่าง ๆ ได้ เพียงศึกษาวิธีการดูแล ปริมาณแสงและน้ำที่ควรได้รับ ก็นำมาจัดวางได้ตามความเหมาะสม เพราะนอกจากจะไม่เป็นอันตรายแล้วยังช่วยฟอกอากาศเสียภายในบ้าน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกินคาดสำหรับสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลที่เจ้าของบ้านสามารถออกแบบและดีไซน์ได้เอง สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น Minimal Topical, Minimal Cozy, Modern Minimal เป็นต้น ทุกสไตล์การแต่งบ้าน ยังคงเน้นการเลือกจัดแต่งเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เพื่อให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง เน้นความสบายใจต่อผู้อยู่อาศัย และความสบายตาจากผู้พบเห็น ด้วยองค์ประกอบของการตกแต่งน้อยชิ้นที่เรียบง่าย และสีที่ไม่ฉูดฉาด จึงเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคใหม่ที่ต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัว อ่านหนังสือยามว่าง หรือเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด